IEEE PES DAY 2025 กลไกการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสะอาดและการเปิดให้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่สาม

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568 สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) จัดงาน PES DAY 2025 ในหัวข้อ กลไกการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสะอาดและการเปิดให้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่สาม (Clean Energy Supply Mechanisms and Third Party Access) และได้รับเกียรติจาก วิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ในฐานะประธานสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) หรือ IEEE POWER & ENERGY SOCIETY (THAILAND) เป็นประธานเปิดงานเสวนา PES DAY 2025 โดยมี อำพล สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง ดร.สมชาย ทรงศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม (วางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธวัชชัย พัฒนพิพิธไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มรรษพร กรรณสูต หัวหน้าส่วนงาน ระดับ 11 ฝ่ายนวัตกรรมและพัฒนาการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รองศาสตราจารย์ ดร.สุรชัย ชัยทัศนีย์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.แนบบุญ หุนเจริญ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย

ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ คือ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสะอาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้า RE100 ของภาคอุตสาหกรรมและเอกชน เพื่อให้เข้าใจถึงนโยบาย แนวทาง เป้าหมาย และอุปสรรคของการเปิดให้บริการระบบโครงง่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงและส่งผ่านพลังงานสะอาดในระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการใช้พลังานสะอาค การสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางการปล่อยคาร์บอน

วิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า สำหรับปีนี้งานจัดขึ้นภายใต้ธีม Clean Energy Supply Mechanisms and Third Party Access ซึ่งทางสมาคมฯ ตั้งใจให้เข้ากับธีมวัน Earth Day ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม สำหรับประเทศไทยการไฟฟ้าและพลังงานมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ โครงการสร้างสัดส่วนการผลิตจากพลังงานสะอาดไม่ว่าจะเป็น โซล่า พลังงานลม ให้มากขึ้นเพื่อลดปริมาณก๊าซการเรือนกระจกที่ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ตลอดจนการพัฒนาโครงข่าย Smart Grit เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นสามารถรองรับพลังงานที่เกิดจากพลังงานสะอาดได้มากยิ่งขึ้น

ในนามของนายกสมาคมฯ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการศึกษาไทย ในการพัฒนาศักยภาพของคนไทยผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้ทางด้านนวัตกรรมพลังงานให้กับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเพื่อบ่มเพาะให้เป็นผู้นำในด้านพลังงานอัจฉริยะในอนาคต และขอขอบคุณ อาสาสมัคร สมาชิก สมาคมฯ กลุ่มนักศึกษา และพันธมิตรทุกท่านที่ได้สละเวลาที่ได้จัดงาน IEEE PES DAY 2025 ขึ้นในวันนี้

อำพล สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า เรื่องของ Clean Energy กำลังเข้ามา มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูง หลายภาคส่วนพยายามดิวการกับปัญหานี้ และพาประเทศเติบโตไปกับปัญหานี้ ซึ่งปัจจุบันการไฟฟ้าทำหน้าที่หลายบทบาท อาทิ สนับสนุนการผลิตเพื่อใช้เอง Self-Consumption การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน Feed in Tariff และสนับสนุนการลดคาร์บอนในองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2593 และ Net Zero Emission 2608 และสำหรับพลังงานสะอาดที่การไฟฟ้านครหลวงดูแลเป็นหลัก คือ โซลาร์ ซึ่งในอนาคตต้องเตรียมโครงข่ายเพื่อรองรับโดยทำให้ Grit มีความ Fexible มากขึ้นตามด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

ดร.สมชาย ทรงศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม (วางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า นิยามของ “พลังงานสะอาด” นอกเหนือจากคำว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วอีกนัยยะหนึ่งเป็นในเรื่องของราคา และการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์มีราคาที่ถูกลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว เหลือเพียง 25% สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหันไปใช้ Private PPA (Power Purchase Agreement) โดยให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ และลดราคา 20-25% ซึ่งพลังงานสะอาดเหล่านี้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เป็นมิตรต่อโครงข่ายเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะทำโจทย์นี้ให้เป็นเรื่องของ Smart Grit เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้

ธวัชชัย พัฒนพิพิธไพศาล ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความต้องการไฟฟ้าในประเทศไทยในระบบของการไฟฟ้าที่ กฟผ. ผลิตเอง ซื้อจาก IPP, SPP และรับซื้อจากต่างประเทศมีทั้งหมด 80.3% นอกจากนั้นจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การไฟฟ้าฝ่ายนครหลวง และการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค รับซื้อจาก VSPP 4.9%

หากดูที่สัดส่วนของ RE ณ ปี พ.ศ. 2567 พลังงานหมุนเวียนมีเพียง 10% และพลังงานจากน้ำ 12% รวมเป็น 22% และอีกประมาณ 75% เรายังคงใช้พลังงานที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งคือเรื่องจริงที่เราต้องยอมรับ และเมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว ยังไม่ค่อยมีความแตกต่างมากเท่าไหร่เรายังคงต้องพึ่งพาก๊าซจากธรรมชาติเป็นหลัก และการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้อีก 10-15 ปี หากอยากเห็นความแตกต่างเราจะต้องร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ สำหรับอัตราค่าไฟ ทางเทคนิคหากเราต้องการที่จะรองรับ RE จะต้องทำ Grit ให้มีความ Flexible มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ

มรรษพร กรรณสูต หัวหน้าส่วนงาน ระดับ 11 ฝ่ายนวัตกรรมและพัฒนาการกำกับกิจการพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า ในฐานะ Regulator ยังคงมีบทบาทด้านการออกระเบียบและกำกับดูแลมาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการ รวมทั้งมาตรการในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานจากการประกอบกิจการพลังงาน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ซึ่งปัจจุบันมองว่าการปรับตัวทางด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าสีเขียวยังให้ความสำคัญด้าน Security: ความมั่นคงทางด้านพลังงาน (ไฟไม่ดับ), Traceability: สามารถยืนยันแหล่งผลิตได้ เช่น ใบรับรองผลิตพลังงาน และ Affordability: สามารถจ่ายได้ในราคาที่เหมาะสมและยอมรับได้ ซึ่งบางรายในกลุ่ม RE100 ที่มีอยู่ 450 องค์กร นั้นมีความต้องการเพิ่มสัดส่วน ด้าน Additionality โดยผลิตจากโรงไฟฟ้าใหม่

รองศาสตราจารย์ดร.สุรชัย ชัยทัศนีย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึง ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระบบ 3 การไฟฟ้า ภายในปี พ.ศ. 2580 กำลังผลิตรวมตามแผนจะอยู่ที่ 112,391 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2566 ที่มี 53,868 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการเพิ่มกำลังผลิตใหม่ 77,407 เมกะวัตต์ และปลดออกจากระบบ 18,884 เมกะวัตต์ พลังงานหมุนเวียน (RE) เช่น Solar, Floating Solar, Hydro มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ Peak Load (ความต้องการสูงสุด) ปี พ.ศ. 2580 อยู่ที่ประมาณ 81,784 เมกะวัตต์ มีแนวโน้มการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลลดลง ขณะที่พลังงานสะอาดเติบโตตามเป้าหมายพลังงานยั่งยืน

ขณะที่ทิศทางพลังงานสะอาดมีความเด่นชัดขึ้น กำลังผลิตใหม่ส่วนใหญ่เน้นไปที่พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: RE) เช่น Solar, Floating Solar และ Hydro ซึ่งสะท้อนถึงการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานสะอาดและเป้าหมาย Net Zero Carbon ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak Load) เติบโตต่อเนื่องถึงปี พ.ศ. 2580 ซึ่งเป็นสัญญาณถึงการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่การจัดการกับความไม่แน่นอนของแหล่งพลังงานเหล่านี้ ต้องอาศัยระบบบริหารจัดการที่ชาญฉลาด เช่น Grid Modernization และ Smart Dispatch ร่วมด้วย

ทางด้าน การรองรับพลังงานสะอาดของระบบไฟฟ้า-ระบบผลิตไฟฟ้า จะเห็นได้ว่าการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นทำให้รูปแบบการใช้ไฟฟ้า (Load) เปลี่ยนแปลงมากขึ้นระหว่างกลางวันและกลางคืน ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสูงสุดช่วงกลางวันทำให้ Net Load (โหลดที่ต้องจ่ายจากแหล่งอื่น) ลดลงมากช่วงนั้นอีกทั้งความผันผวนสูง (Ramping) ของโหลดส่งผลให้ระบบผลิตไฟฟ้าต้องปรับตัวเร็วขึ้น เสี่ยงต่อประสิทธิภาพต่ำและต้นทุนสูงขึ้น ทั้งนี้ระบบต้องรับมือกับช่วงที่ใช้ไฟสูงสุด (Peak) และต่ำสุด (Off-peak) อย่างมีประสิทธิภาพนับว่าเป็นความท้าทายอยู่ที่การควบคุมความถี่ ความมั่นคง และแรงดันของระบบให้คงที่

อย่างไรก็ตาม การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แดดและลม มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะช่วงกลางวันจะผลิตได้มาก แต่ช่วงเย็นกลับผลิตได้น้อยลง ทำให้ระบบต้องปรับการผลิตจากแหล่งอื่นให้ทันความเปลี่ยนแปลงของภาระไฟฟ้า (Net Load) อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ระบบไฟฟ้าในอนาคตต้องมีการวางแผนและควบคุมให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรองรับพลังงานสะอาดได้อย่างมั่นคง

Latest Posts